Monday 10 June 2013

มือใหม่ทำอะไร (มาแล้ว) บ้าง

ตั้งแต่ต้นปี 2013 ที่ผ่านมา เราก็ลองออกมาทำอาชีพที่คนเรียกกันว่า "นักลงทุน" อย่างเต็มตัว

แต่ด้วยความที่ยังเป็นมือใหม่มาก จะบอกว่าตัวเองเป็นนักลงทุน หรือ Investor ก็กระดาก ดังนั้นตอนนี้เวลากรอกช่อง Occupation ในที่ต่าง ๆ บนเนท จะกรอกว่าเป็น Novice Investor คือเป็นนักลงทุนฝึกหัด ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานเท่าไรถึงจะเอาคำว่า Novice ออก เพราะยิ่งทำ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีอะไรให้เรียนให้รู้อีกเยอะมาก

ที่ผ่านมาเราก็ทำอะไรต่อมิอะไรตามที่มนุษย์ชนชั้นกลางส่วนมากในประเทศนี้ทำกัน คือเรียนหนังสือตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม ไปจนจบมหาวิทยาลัย แล้วก็ไปเป็นมนุษย์เงินเดือน หลังจากนั้นก็เรียนโท แล้วก็ทำงาน แต่งานที่ทำตอนหลังจบโทนั้นเป็นงานสัญญาจ้างชั่วคราว พอหมดสัญญาก็ไม่ต่อสัญญา แล้วก็ลองมาเป็นนักลงทุนดู คิดว่าถ้ารอด เลี้ยงตัวได้ ก็จะทำไปเรื่อย แต่ถ้าเห็นทีจะไม่ไหว หมดเนื้อหมดตัว ก็คงจะไปหางานทำเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อไป

เหตุผลที่ทำให้หันมาทดลองชีวิตแบบนี้ ก็มีหลาย ๆ อย่างมารวม ๆ กันแบบพอดีจังหวะและเวลา

ก่อนหน้านี้เรากับการลงทุนนั้นถือว่าแปลกหน้าต่อกันมาก ก็เหมือนมนูษย์เงินเดือนหลาย ๆ คน คือทำงาน ได้เงินเดือนก็ใช้ ที่ไม่ใช้ก็นอนอยู่ในบัญชีเงินเดือน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพก็สมัครเพราะบริษัทมีให้สมัคร มีให้เลือกแบบลงหุ้นไม่ลงหุ้น ก็เลือกแบบลงหุ้นไปโดยที่ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าฟังดูน่าตื่นเต้นกว่าแบบปรกติ (เป็นเหตุผลที่ดีมากกกก)

ต้องอธิบายหน่อยว่าเราจบตรีศิลปศาสตร์เอกภาษาอังกฤษมา ความรู้ทางการเงิน เศรษฐศาสตร์ บัญชี แทบจะเป็นศูนย์ ส่วนตอนเรียนโทก็เรียน IT Management ความสนใจเรื่องการเงิน เศรษฐกิจ อะไรพวกนี้แทบไม่มี

มิไยพ่อเรา ซึ่งหลังเกษียณก็เริ่มลงทุนและพบว่ามันเป็นสิ่งที่ทำเป็นอาชีพได้จะพยายามแนะนำให้เราทำความรู้จักคุ้นเคยกับการลงทุน ไม่ให้แปลกหน้าต่อกัน เราก็ไม่ค่อยจะสนใจอยากรู้จัก อย่างมากก็ซื้อกองทุนตราสารหนี้บ้างอะไรบ้าง ซื้อประกันชีวิตลดหย่อนภาษี และซื้อกองทุน LTF เพื่อลดหย่อนภาษี แต่ไม่ได้สนใจอะไรจริง ๆ ว่ามันได้อะไรมาเท่าไร ตราสารหนี้ 3 เดือน 6 เดือนได้สัก 3% ก็ดีใจแล้ว (ตอนนั้นไม่เคยรู้วาเงินเฟ้อคืออะไร ปีละเท่าไร....)

ทำไป ๆ เริ่มเบื่อกับชีวิตพนักงานบริษัท ช่วงที่เรียนโทปี 2 ก็ลาออก แล้วเรียนอย่างเดียว ช่วงนี้ก็ไม่ได้ลงทุนอะไรจริง ๆจัง ๆ นอกจากซื้อกองทุนหุ้นตามที่พ่อแนะนำ (โดยที่จริง ๆ ก็ไม่รู้วากองทุนหุ้นคืออะไร) ก็เรียน สอบ ทำโปรเจคท์ แต่ยังไงก็ตาม ก็เริ่มมองเห็นชีวิตมนุษย์เงินเดือนในมุมที่ต่างจากเดิม เห็นชีวิตเพื่อน ๆ ที่ยังทำงาน (ซึ่งก็เหมือนเราก่อนหน้านี้) แล้วก็รู้สึกว่าคนรอบตัวนั้น หายากมากที่จะมีใครมีความสุขกับชีวิตแบบที่ว่าจริง ๆ แทบทุกคนทำไปบ่นไป ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง เงินเดือนหาได้เยอะ ก็เอาไปซื้อโน่นนี่ ชดเชยให้ตัวเอง เพราะตอนทำงานมันไม่ค่อยมีความสุข ก็เอาเงินที่หาได้มาไปซื้อสนองความต้องการตัวเอง (เราก็เป็น ตอนทำงานช้อปเยอะเชียว แต่พอเลิกทำงาน เลิกอยากได้โน่นนี่ไปเยอะเลย)

พอจบโท ก็ตั้งหลักว่าจะเอาไงต่อดี หางานทำสายไอทีที่เพิ่งจบมา หรืออนิเมชันที่ชอบ (ซึ่งการเริ่มอะไรใหม่ตอนอายุ 30 อัพก็อาจจะไม่ง่าย) ก็พอดีเพื่อนชวนไปทำงานชั่วคราว ก็ทำจนหมดสัญญาปลายปีที่แล้ว และก็รู้สึกว่าไม่อยากทำต่อ แล้วก็มาลองลงทุนจริง ๆ จัง ๆ อย่างที่พ่อพยายามแนะนำ (มาเป็นปี ๆ) ดูว่าจะเป็นยังไง

ตอนเริ่ม สิ่งแรกที่ทำคือ ดูว่าเรามีเงินมีสินทรัพย์อะไรบ้าง (ซึ่งก็มีไม่มากหรอก เพราะไม่เคยทำให้มันงอกเงยเลย -_-") และเมื่อสำรวจดูแล้ว สิ่งที่เราพบก็คือว่า กองทุน LTF ของเราที่ถืออยู่และเราไม่เคยไปสนใจอะไรกับมันเลยนั้น ให้ผลตอบแทนเกิน 100% ในระยะเวลาราว ๆ 3 ปี ส่วนกองทุนหุ้นที่เพิ่งซื้อไม่นานก็ให้ผลตอบแทนพอสมควร

ตอนนั้นถึงเริ่มเห็นว่าการลงทุนและการจัดการกับเงินตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ

เริ่มเข้าใจว่าทำไมพ่อถึงพยายามบอกนักหนาให้เราศึกษาและสนใจมัน

และ...เริ่มเข้าใจว่าที่ผ่านมา การไม่สนใจเรื่องนี้เลยทำให้เราเสียโอกาสไปอย่างไรบ้าง

เริ่มมั่นใจว่า มันน่าจะทำเป็นอาชีพได้... แต่ถึงแม้ว่าทำไม่สำเร็จ หรือสักวันหนึ่งเราจะกลับไปทำงานประจำด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม เราก็จะสามารถจัดการกับสิ่งที่หามาได้ได้ดีกว่าที่ผ่าน ๆ มา

ตั้งแต่ต้นปีมาจนบัดนี้ เราก็ใช้ชีวิตแบบ "นักลงทุน (ฝึกหัด) อิสระ" มาได้ 5 เดือนแล้ว

ในแง่ของกำไร ก็ยังไม่ได้มากมายอะไร (ดีนะยังไม่ขาดทุน) พอร์ทมีทั้งหุ้นและกองทุนที่กำไรและขาดทุน เพราะตลาดหุ้นในช่วงตั้งแต่ต้นปีมันไม่ใช่ขาขึ้นอย่างเดียวอย่างที่ผ่าน ๆ มาอีกแล้ว เจอปรับฐานแรง ๆ มา 2 รอบ (รวมรอบนี้ด้วย)

แต่ในแง่ของการเรียนรู้ เราถือว่าจังหวะที่เราเข้ามานั้นเป็นจังหวะที่ดี เราไม่ได้อยู่กับช่วงขาขึ้นนานนัก บทเรียนมันเข้ามาเร็วมาก เราผ่านช่วงหุ้นลงแรง ๆ ครั้งแรกหลังจากเริ่มต้นซื้อหุ้นได้ไม่ถึง 2 เดือนดี ซึ่งสำหรับมือใหม่ (ที่แม้จะมีพ่อซึ่งมีประสบการณ์มานานคอยแนะนำ) มันก็เป็นเรื่องชวนให้ตื่นเต้น (พอผ่านรอบนั้นมาหลัง ๆ ก็เริ่มเฉยชาไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้ เออ.. อยากตกตกไป ไม่ค่อยรู้สึกอะไรแล้ว) หุ้นที่ติดดอยก็มี หุ้นที่ซื้อแล้วลงก็มี (หลายตัวด้วย) ที่กำไรหลายสิบเปอร์เซ็นต์จากการที่หุ้นมัน "ติดลม" ขึ้นมาก็เคย หุ้นที่ตอนซื้อคิดว่าถูกแล้ว ปรากฎว่ามันยังมี "ถูกกว่า" ก็มี หรือบางตัวเพิ่งตระหนักว่าเราซื้อแพงก็มีอีกเหมือนกัน

แต่ก็ยังต้องเรียนรู้อีกมาก และยังต้องขยันกว่านี้อีกมาก (มาก มาก มาก)

เหตุผลที่ทำบล็อก อย่างแรกก็คือ เรารู้สึกว่าความไม่เข้าใจเรื่องการลงทุน ทำให้เสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย เลยอยากแบ่งปันอะไรต่อมิอะไรที่เราได้ผ่านมาและกำลังจะพบเจอต่อไปบนเส้นทางนี้ให้คนอื่น ๆ เผื่อจะทำให้สนใจ เข้าใจมากขึ้นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ อย่างที่สองคือ ในฐานะมือใหม่ที่ไม่เคยมีพื้นฐานอะไร ทำให้เราพอจะเข้าใจได้บ้างว่าคนที่ไม่มีพื้นฐานตรงนี้เลยไม่รู้อะไร สับสนอะไรบ้าง (การคุยกับเพื่อน ๆ ที่เริ่มสนใจเรื่องลงทุนก็พอจะทำให้เห็นประเด็นพวกนี้ชัดขึ้น เพราะหลายคนสับสนในเรื่องเดียวกัน) ก็คิดว่าอยากจะแบ่งปันความรู้หรือข้อมูลเหล่านั้น ผ่านมุมมองของคนที่เคยงงมาก่อน :-P เผื่อจะช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น (แต่สำหรับคนที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว อันนี้บล็อกนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ ประมาณว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนแหละ คงต้องอ่านเอาบันเทิงหรือบรรทมแทน) และอย่างสุดท้ายก็คือ มันจะได้เป็นแรงกระตุ้นให้เราขยันขึ้นบ้าง 55555 ประมาณว่ามี commitment สัญญาใจอะไรสักอย่าง (แม้ว่าอาจจะไม่มีคนอ่านเลยก็ตาม)

สุดท้ายนี้ ผู้จัดทำหวังว่า บล็อกนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้าง ไม่มากก็น้อย (สำนวนลงท้ายรายงานโบราณ ไม่รู้ว่ายุคนี้เด็ก ๆ ยังลงท้ายกันแบบนี้อยู่หรือเปล่า)

No comments:

Post a Comment